วัฏจักรตลาดกระทิงของคริปโตตัวแรกนี้ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด ปัจจุบัน Bitcoin ปรับตัวขึ้นมาแล้วกว่า 670% จากจุดต่ำสุดราว $16,000 ในเดือนธันวาคม 2022 และมูลค่ารวมของตลาดคริปโตได้ทะลุ 4 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก การเติบโตอย่างต่อเนื่องแบบนี้แทบไม่เคยปรากฏขึ้นในสินทรัพย์ตัวหลักที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางมาก่อน เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน ดัชนี S&P 500 ใช้เวลากว่า 30 ปี ในการทำผลตอบแทนได้ 800%! อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ตลาดคริปโตปรับตัวลงต่อเนื่องกว่าหนึ่งเดือน ผู้ถือคริปโตบางส่วนเริ่มกังวลว่างานเลี้ยงนี้อาจสิ้นสุดลงแล้ว จากจุดสูงสุดตลอดกาลเหนือ $123,000 เมื่อต้นเดือนสิงหาคม BTC ร่วงลงกว่า 12.68% มาที่ระดับต่ำสุด $107,694 เมื่อวันที่ 1 กันยายน แต่แนวรับสำคัญทางจิตวิทยาที่ระดับ $100,000 ยังคงแข็งแกร่ง และ Bitcoin ได้กลับมามีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดเดือนกันยายน โดยราคาตลอดทั้งเดือนเพิ่มขึ้น 8% ไปอยู่ที่ $116,666 ณ วันที่ 2 ตุลาคม
มีหลายเหตุผลที่ทำให้เกิดแรงหนุนรอบนี้ โดยส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ของ Bitcoin ที่เป็นทั้งสินทรัพย์เสี่ยงเพื่อเก็งกำไรและถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์หลบภัยที่อาจเทียบเคียงกับทองคำได้ในขณะเดียวกัน การเริ่มต้นรอบการลดดอกเบี้ยของเฟด ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ และการชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐซึ่งกดดันค่าเงินดอลลาร์ล้วนเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนราคา BTC นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเฉพาะตลาดอย่างกระแส Uptober และกระแสสปอต ETF ที่ช่วยเป็นแรงดันราคาอีก ในบทความนี้ เราจะมาพิจารณาปัจจัยเหล่านี้และปัจจัยอื่น ๆ เพื่อประเมินว่าตลาดอาจเคลื่อนไปในทิศทางใดในไตรมาส 4
เปิดรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
ด้วยการเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงที่สุดประเภทหนึ่ง เป็นที่รู้กันดีว่า Bitcoin เป็นเครื่องมือสำหรับการเก็งกำไรในช่วงเวลาที่ผ่านมา แม้จะมีสถาบันการเงินเข้ามาลงทุนมากขึ้น และคริปโตถูกยอมรับมากขึ้นในหมู่นักลงทุนสายอนุรักษ์นิยม แต่ BTC ยังคงตอบสนองไวต่อความต้องการรับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น การที่เฟดตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 bps สู่ระดับ 4.00% ถึง 4.25% พร้อมสัญญาณว่าจะมีการลดดอกเบี้ยเพิ่ม ได้ช่วยกระตุ้นการซื้อสินทรัพย์เสี่ยงอย่างคริปโต
และผลที่เกิดขึ้นรอบนี้ยิ่งทวีคูณมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับวงรอบนโยบายทางการเงินที่ผ่านมาเนื่องจากสปอต ETF ที่เปิดตัวเมื่อต้นปี ทำให้ Bitcoin เข้าถึงนักลงทุนรายย่อยและสถาบันได้มากขึ้น เมื่อวันที่ 29 กันยายน สปอต ETF ของ Ethereum และ Bitcoin มีเม็ดเงินไหลเข้ารวมกันกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ โดย Fidelity’s FBTC เป็นผู้ลงทุนหลัก นอกจากนี้ SEC ยังให้ไฟเขียวกระบวนการจดทะเบียนเร่งด่วนสำหรับ ETF ของสกุลเงินดิจิทัลตัวอื่น ๆ เช่น Solana และ XRP ซึ่งจะยิ่งสร้างปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งให้กับตลาดคริปโตโดยรวม นอกจากนี้สิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ ความแข็งแกร่งในอดีตของเดือนตุลาคมและไตรมาสสุดท้ายของปีโดยทั่วไปสำหรับ BTC ข้อมูลจาก Coinglass ระบุว่าในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา ในไตรมาส 4 ของทุกปี Bitcoin มีผลตอบแทนเฉลี่ยเกิน 50% และสำหรับปีนี้ เราพึ่งเห็นราคาขยับขึ้นเพียงราว +10% เท่านั้น
แข่งกับทองคำ
แนวโน้มที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือการที่ Bitcoin ได้ก้าวขึ้นมาเป็นสินทรัพย์ทางเลือกแทนทองคำเป็นระยะเวลาหลายปีแล้ว ในช่วงแรก ๆ ของคริปโต เมื่อการแกว่งตัวของราคามีความรุนแรงและคาดเดาไม่ได้ การที่ BTC จะกลายเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยถือเป็นเรื่องที่แทบจะไม่มีใครคิด อย่างไรก็ตาม Bitcoin มีคุณสมบัติที่ไม่สามารถทดแทนได้และป้องกันเงินเฟ้อคล้ายกับทองคำ แต่มีข้อได้เปรียบเพิ่มอีกคือ สามารถซื้อขายข้ามพรมแดนได้ง่าย และมีต้นทุนการเก็บรักษาที่ถูกกว่ามาก เรายังเห็นอีกว่า ธนาคารกลางหลายแห่งเริ่มเตรียมกระจายการถือครองด้วยการซื้อ Bitcoin โดยมีโครงการอย่าง Strategic Bitcoin Reserve ของสหรัฐฯ และกฎระเบียบ Markets in Crypto-Assets (MiCA) ของสหภาพยุโรปที่ปูทางไปสู่การเข้าซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเข้มข้นโดยหน่วยงานกึ่งรัฐเหล่านี้
สถาบันวิจัยของ Deutsche Bank ระบุว่า Bitcoin กำลังอยู่ในเส้นทางที่จะถูกบรรจุเป็นทุนสำรองของธนาคารกลางควบคู่ไปกับทองคำภายในปี 2030 แม้นักวิเคราะห์ยอมรับว่า Bitcoin “ยังขาดองค์ประกอบที่สำคัญของสินทรัพย์สำรอง ได้แก่ ความน่าเชื่อถือและความโปร่งใส” แต่ก็มองว่าพัฒนาการของตลาดเริ่มช่วยลดความผันผวนลง ผู้ว่าการ Czech National Bank (CNB) Aleš Michl ถึงกับเคยกล่าวว่า ทาง CNB อาจถือ Bitcoin ได้มากถึง 5% ของทุนสำรองมูลค่า €140 พันล้าน (1.456 แสนล้านดอลลาร์) ในขณะเดียวกัน การอ่อนค่าของอีกหนึ่งสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างดอลลาร์สหรัฐ ก็กำลังเร่งกระบวนการนี้ให้เร็วขึ้น ในปัจจุบัน USD อ่อนค่าลงมากกว่า 10% เมื่อเทียบกับคู่แข่งสำคัญอย่างยูโรและปอนด์สเตอร์ลิง ส่งผลให้ประเทศและสถาบันต่าง ๆ ทั่วโลกเริ่มหันหลังให้กับสกุลเงินดอลลาร์ เลือกถือทองคำ และอาจรวมถึง Bitcoin ด้วยในอนาคตอันใกล้ โดยเฉพาะหลังจากที่สภาคองเกรสไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณได้สำเร็จ ทำให้รัฐบาลสหรัฐต้องชัตดาวน์ลงเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี เรื่องนี้ไม่เพียงสร้างความตื่นตระหนกภายในสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังซ้ำเติมปัญหาความน่าเชื่อถือของดอลลาร์ ซึ่งน่าจะยิ่งกระตุ้นอุปสงค์ Bitcoin ให้เพิ่มขึ้น
เทรดคริปโตและ CFD ตัวอื่นๆ ด้วย Libertex
ด้วย Libertex คุณสามารถเลือกเทรด CFD ได้มากมายกับทุกอย่าง เริ่มตั้งแต่หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ และ ETF ไปจนถึงดัชนี ฟอเร็กซ์ และคริปโต CFD คริปโตของ Libertex มีสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับการยอมรับ เช่น Bitcoin (รวมถึง Grayscale Bitcoin Trust) และ Ethereum รวมไปถึง altcoins มากกว่า 100 ตัว เช่น Solana, XRP และอื่นๆ อีกมากมาย หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมหรือสร้างบัญชีเป็นของคุณเอง โปรดไปที่ www.libertex.org/signup วันนี้!
